หากเป็นนักเทรดมืออาชีพ การติดตามข่าวสารก็เป็นอีกตัวช่วยหนึ่ง ของนักเทรดที่จะรู้ถึงแนวโน้มเศษฐกิจ ของประเทศนั้นๆหรือภูมิภาคนั้นๆ ทำให้สามารถคาดการณ์สิ่งที่จะเกิดขึ้นได้ และหนึ่งใน Indicators ที่นักเทรดมืออาชีพ ใช้เพื่อวิเคราะห์ดูแนวโน้มเศรษฐกิจในอนาคต คือ “ดัชนี PMI” วันนี้แอดเหยี่ยวได้รวมข้อมูลมาให้แล้ว ว่าทำไมเทรดเดอร์ต้องติดตาม!!
PMI คืออะไร ?
PMI คือ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ โดยย่อมาจาก Purchasing Managers Index (PMI Index) เป็นตัวชี้วัดหรือดัชนีชี้นำทางเศรษฐกิจ เพื่อดูทิศทางและแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจทั้งภาคการผลิต และภาคบริการของโลกในปัจจุบันและอนาคต แต่สิ่งสำคัญคือธนาคารกลางใช้ข้อมูลเหล่านี้ ในการกำหนดนโยบายการเงิน ทำให้นักเศรษฐศาสตร์และนักวิเคราะห์ทั่วโลกให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก
การตีความหมาย ค่าของดัชนี PMI
นักเทรดสามารถนำไปใช้ในการวิเคราะห์การวางแผนลงทุนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยดัชนี PMI จะสะท้อนความเป็นไปได้ทางเศรษฐกิ ซึ่งมีการตีความหมายดัชนี PMI ดังนี้
- ถ้าดัชนี PMI มีค่ามากกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มขยายตัวจากระดับปัจจุบัน
- ถ้าดัชนี PMI มีค่าเท่ากับ 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มคงที่จากระดับปัจจุบัน
- ถ้าดัชนี PMI มีค่าน้อยกว่า 50 หมายถึง เศรษฐกิจมีแนวโน้มหดตัวจากระดับปัจจุบัน
PMI สามารถบอกอะไร?
ตัวเลขออกมาสูงกว่า 50 แปลว่าสภาวะเศรษฐกิจอยู่ในเกณฑ์ดี แต่่หากต่ำกว่า 50 แปลว่าเศรษฐกิจอยู่ในสภาวะถดถอย
ดังนั้นหาก PMI ลดลงในประเทศหนึ่ง นักเทรดอาจพิจารณาลดความเสี่ยงในตลาดทุนของประเทศนั้น และเพิ่มการลงทุนในตลาดหุ้นของประเทศอื่นๆที่มีค่า PMI ที่สูงขึ้น
รู้หรือไม่? ค่า PMI ส่งผลกับทองด้วย
หากสภาวะเศรษฐกิจดี ก็แปลว่าสินทรัพย์ปลอดภัยอาจจะไม่ใช่สิ่งที่นักเทรดมองหาในช่วงเวลานั้น แต่ในทางกับกัน สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ หรือถดถอยก็แปลว่า สินทรัพย์ปลอดภัยเป็นสิ่งที่น่าลงทุนในช่วงเวลานั้น ทำให้ค่า PMI ที่ออกมาจะส่งผลให้ทองคำราคาขึ้นหรือลง เข้าใจง่ายๆ ตามนี้เลยครับ
PMI สูง = ราคาทองคำอาจปรับตัวลงต่ำ
PMI ต่ำ = ราคาทองคำอาจปรับตัวสูงขึ้น
ขอบคุณเนื้อหาบางส่วนจาก tradewithauntie
การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนตัดสินในลงทุน #ครอบคลุม#